สนทนากันเพื่อให้เกิดปัญญา
การฝึกดำเนินมาถึงบทนี้แล้ว เราควรหยุดคุยกันบ้าง เพราะเราเป็นญาติกันในธรรม เรื่องที่เราคุยกันก็คือ เราเรียนอะไร มาบ้าง เรื่องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร เราได้อะไรจากการ เรียนนั้น
เราตอบว่า เราเรียนมาแล้วคือ ขันธ์ ๕, อายตนะ ๑๒, ธาตุ ๑๘, อินทรีย์ ๒๒, ปฏิจจสมุปบาท, อาสวะ, อนุสัย, เรามองเป็นภาพรวมออกมาได้ไหม ว่าสาระสำคัญมีอย่างไร ให้พูดเป็นภาพรวมไม่ใช่สรุปความรู้ หากจะสรุปความรู้ เราก็ไปอ่านใหม่ ลำดับไปทีละ บท แต่ละบทมีสาระอย่างไร เราอ่านได้ จำได้ ไม่ยากอะไร
คิดอย่างไร จงบรรยายออกมา ข้าพเจ้าขอบรรยายบ้าง ดังนี้
มี เห็น จำ คิด รู้ ที่ไหน มีขันธ์ ๕ ที่นั่น ใน กำเนิดของขันธ์ ๕ มีอายตนะ ๑๒ ทำหน้าที่รับส่งอารมณ์ ในอายตนะมีธาตุ ๑๘ ในธาตุ ๑๘ มีอินทรีย์ ๒๒ ผัสสะทำหน้าที่ให้ เกิดการกระทบกันระหว่างอายตนะ
กำเนิดเดิมของขันธ์ ๕ มีการขยายตัว เป็นเบื้องต้น ท่ามกลาง และชั้นปลาย ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขยายตัวออกมาเป็น เห็น จำ คิด รู้ และเห็น จำ คิด รู้ ขยายตัวออกมาเป็น กาย ใจ จิต วิญญาณ สุดท้าย ขันธ์ ๕ คือ รูปนาม รูปก็คือกาย นามก็คือใจ
ที่ว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ เพราะที่ขันธ์ ๕ มีทุกข์และสมุทัย ว่าถึงทุกข์และสมุทัยยังเข้าเจือปนไปถึงธาตุ ๑๘ และอินทรีย์ ๒๒ ด้วย เราจะเห็นว่า ใจเป็นเป้าหมายของกิเลส เครื่องมือสื่อความ ของใจคืออายตนะ ธาตุ และอินทรีย์ กิเลสยังเข้าไปเจือปนได้ การจะทำใจให้สว่างใสนั้น ดูว่ายากนัก พอเราเรียนมาถึงอาสวะ และอนุสัย อวิชชายังเข้ามายึดพื้นที่อีก ใช่ว่าจะมีแต่อาสวะและ อนุสัยเท่านั้น ยังจะมีกิเลสอื่นๆ อีก เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องสะสาง กิเลสกันต่อไป
อ่านเพิ่มเติมใน>>> หนังสือวิชามรรคผลพิสดาร หน้า 265